📌 ทำไมโรงงานต้องมี Roof Lifeline ?
อาคารโรงงานส่วนใหญ่จะมีหลังคาที่มีความชันและโครงสร้างสูง การเข้าไปทำงานบนหลังคาโดยไม่มีระบบป้องกันทำให้มีความเสี่ยงโดยตรง เช่น
⓵ การลื่นบนพื้นผิวที่มีน้ำหรือคราบไอน้ำ
⓶ การล้มขณะเดินตรวจสอบ
⓷ การสะดุดหรือก้าวพลาดใกล้ขอบหลังคา
⓸ โครงสร้างหลังคาบางจุดรับน้ำหนักได้ไม่มาก
👉 Roof Lifeline จึงกลายเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็น เพราะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเดินและทำงานบนหลังคาได้โดยมีระบบยึดรั้งอย่างมั่นคง ลดความเสี่ยงจากการตกลงด้านล่างซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่มีผลต่อชีวิตและธุรกิจโดยตรง
🎯 ปัญหาและความต้องการของลูกค้า
1. ความเสี่ยงตกจากที่สูงของพนักงาน
ในงานจริง พนักงานต้องเดินผ่านบริเวณขอบหลังคาซึ่งมีความเสี่ยงสูง หากไม่มีระบบ Lifeline จะไม่มีตัวช่วยป้องกันเมื่อเกิดการเสียหลัก
2. ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้
โรงงานในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จำเป็นต้องผ่าน Audit ด้าน EHS, GMP, ISO 45001 อยู่เสมอ ระบบ Lifeline ที่ผ่านมาตรฐานสากลจึงช่วยให้โรงงานผ่านการตรวจได้ง่ายขึ้น
3. การทำงานบนหลังคามีหลายประเภท
ต้องการระบบเดียวที่รองรับทั้งหมด เช่น - งานซ่อมบำรุงหลังคา
- ทำความสะอาดรางน้ำ
- ติดตั้ง/ดูแลโซลาร์เซลล์
- ติดตั้งสายล่อฟ้า
- ตรวจสอบระบบสื่อสารหรือไฟฟ้า
Roof Lifeline สามารถรองรับทั้งแบบ งานต่อเนื่อง (Walk Path) และ งานประจำจุด (Working Point) ได้ครบ
🍃 โซลูชันที่ทีมวิศวกรของแพลนเนท ที แอนด์ เอส แนะนำ
เรานำเสนอระบบ Lifeline สำหรับงานบนหลังคา ที่ออกแบบโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านงานกันตก Fall Protection พร้อมประสบการณ์ติดตั้งจริงในหลายอุตสาหกรรม
⭐ จุดเด่นของโซลูชัน
👉 ระบบ Lifelin
e แบบแขวนเหนือศีรษะ Overhead Lifeline : ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเคลื่อนที่ตลอดแนวเส้นทางโดยไม่ต้องปลดตัวเกี่ยว
👉 ออกแบบตามรูปหลังคาและโครงสร้างจริง : ทีมวิศวกรจะสำรวจหน้างาน (Site Survey) เพื่อกำหนดเส้นทางเดิน (Walking Path)ที่ ปลอดภัยที่สุด
👉 ผ่านมาตรฐาน EN / OSHA : โครงสร้าง, ชุดยึด, ตัวดูดซับแรง (Energy Absorber) ล้วนผ่านมาตรฐานสากล
👉 รองรับงานหลากหลาย เช่น งานซ่อมหลังคา , ล้างรางน้ำ , บำรุงรักษา Panel โซลาร์ , เดินตรวจ สอบบนแนวกระจกหลังคา , ติดตั้ง สายล่อฟ้า
👍 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ที่มีความชื้นสูง พื้นผิวลื่น และต้องมีการบำรุงรักษาตลอดทั้งปี
💎 ROI ที่ลูกค้าเห็นผลจริง
แม้ระบบ Lifeline เป็นการลงทุนด้านความปลอดภัย แต่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เห็นได้ชัดเจน
1. ลดค่าใช้จ่ายอุบัติเหตุจากการตกจากที่สูง
- ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
- ค่าหยุดผลิต
- ค่าเสียโอกาสการผลิต
- การเสียภาพลักษณ์ของโรงงาน
- การติดตั้ง Lifeline ลดความเสี่ยงได้เกือบ 100%
2. ลดเวลาหยุดซ่อม (Maintenance Downtime)
พนักงานทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกลัวอันตราย ทำให้ ⏱ ประหยัดเวลาซ่อมบำรุงมากกว่า 20–40%
3. ผ่าน Audit ได้ง่ายขึ้น
โรงงานมักถูกตรวจโดย : ISO , GMP , Safety Audit จากบริษัทแม่ การมีระบบ Lifeline จะเพิ่มคะแนน EHS และลดความเสี่ยง Non-Compliance
4. ใช้งานได้นานหลายปี คุ้มค่าการลงทุน
ระบบ Lifeline คุณภาพสูงสามารถใช้ได้หลายปีด้วยค่าบำรุงรักษาต่ำมาก
ระบบ Roof Lifeline ไม่ใช่เพียงอุปกรณ์เสริม แต่เป็นมาตรฐานความปลอดภัยบนหลังคาที่ทุกโรงงานควรติดตั้ง เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานในพื้นที่อันตรายได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงต่อชีวิต ป้องกันการหยุดผลิต และช่วยให้โรงงานผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับสากลได้ง่ายขึ้น
👉 หากโรงงานของคุณต้องการโซลูชัน ความปลอดภัยบนหลังคาแบบครบวงจร ทีมวิศวกรของแพลนเนท ที แอนด์ เอส พร้อมเข้า Survey และออกแบบระบบที่เหมาะสมที่สุด ติดต่อเราได้ทันที
ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ 👷♂️⚙️
📞 : 02-720-3288
💬 LINE : @PLANETTANDS
📧 : info@planet.co.th
📘 : facebook.com/planettands
📸 : instagram.com/planettands
🎬 : tiktok.com/@planettands