ไทย
  • ไทย
  • EN
ช่องทางติดต่อ
E-Mail
Phone
Line
Facebook
อุปกรณ์เซฟตี้

เพิ่มความปลอดภัยในงานพื้นที่อับอากาศ

การทำงานในที่อับอากาศ (Confined Space Work) เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีระดับความเสี่ยงสูงที่สุดในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม ปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ หรือคลังสินค้า การเข้าไปทำงานในพื้นที่ ที่อากาศถ่ายเทจำกัดสามารถก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ภายในไม่กี่วินาที หากไม่มีมาตรการควบคุมและอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม บทความนี้จะอธิบายความหมายของพื้นที่อับอากาศ ความเสี่ยงหลัก และวิธีปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อช่วยให้โรงงานสามารถวางระบบการทำงานที่ปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มความปลอดภัยในงานพื้นที่อับอากาศ

🔍 ที่อับอากาศคืออะไร? (Confined Space Definition)

ที่อับอากาศหมายถึงพื้นที่ที่มีคุณสมบัติดังนี้

  • เป็น พื้นที่ปิดหรือปิดบางส่วน เช่น ถัง บ่อ ท่อ หม้อไอน้ำ ห้องใต้ดิน
  • ทางเข้า–ออกจำกัด ทำให้ช่วยเหลือยากเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • อากาศถ่ายเทไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการสะสมของก๊าซพิษ ก๊าซไวไฟ หรือการขาดออกซิเจน

แม้พื้นที่เหล่านี้มักถูกใช้เพื่อการเก็บ/ขนส่ง แต่เมื่อพนักงานต้องเข้าไปตรวจสอบ ทำความสะอาด หรือซ่อมบำรุง จึงต้องถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงตามกฎหมายความปลอดภัยแรงงาน

⚠️ ความเสี่ยงสำคัญของการทำงานในที่อับอากาศ

1.ออกซิเจนต่ำเกินไป (O₂ < 19.5%) ทำให้หมดสติอย่างรวดเร็ว

2.ก๊าซพิษสะสม

  • ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S)
  • ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)
  • ไอสารเคมีจากการผลิต

3.ก๊าซไวไฟ/ระเบิดได้ หากระดับ LEL สูงเกินค่ามาตรฐาน

4.อุณหภูมิสูงและการระบายอากาศไม่ดี

5.พื้นที่แคบและเข้า - ออกยาก เพิ่มความเสี่ยงติดอยู่ภายในหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก การเข้าไปช่วยเพื่อนร่วมงานโดยไม่เตรียมความพร้อม ส่งผลให้ผู้ประสบเหตุเพิ่มขึ้นหลายรายในครั้งเดียว

🛡️ มาตรการป้องกันและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง (Best Practices)

1. ออกใบอนุญาตทำงานในที่อับอากาศ (Confined Space Permit)

  • ก่อนเข้าทำงานต้องมีการประเมินความเสี่ยงและอนุมัติจากผู้ควบคุมงาน

2. ตรวจวัดก๊าซก่อนเข้าและระหว่างทำงาน ค่าอากาศที่ต้องตรวจ ได้แก่

  • Oxygen (O₂)
  • LEL (Lower Explosive Limit)
  • CO
  • H₂S

ควรใช้เครื่องตรวจวัดก๊าซแบบ 4-in-1 และต้องตรวจซ้ำระหว่างปฏิบัติงาน

3. ใช้ระบบระบายอากาศ (Ventilation System)

  • ช่วยลดการสะสมของก๊าซพิษและเพิ่มระดับออกซิเจน

4. มีผู้เฝ้าระวัง (Standby/Watcher)

  • ต้องอยู่ด้านนอกตลอดเวลา พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน

5. อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น

  • หน้ากากกรองอากาศหรือ SCBA ตามระดับความเสี่ยง
  • เชือกนิรภัย
  • ชุดกันสารเคมี
  • อุปกรณ์กันตก

6. ชุดกู้ภัยและอุปกรณ์ยกกู้ (Rescue System) เช่น

  • Tripod + Winch
  • Lifeline
  • อุปกรณ์สื่อสารในที่อับอากาศ

การเตรียมระบบกู้ภัยเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย เพราะเหตุฉุกเฉินมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

7. อบรมพนักงานตามกฎหมาย

  • ผู้ปฏิบัติงาน/ผู้ควบคุมงาน/ผู้ช่วยเหลือต้องผ่านการอบรม Confined Space อย่างถูกต้อง

📑 แผนสี่ขั้นตอน ก่อนทำงานในพื้นที่อับอากาศ 

     1️⃣ การประเมินสถานที่ทำงาน

     2️⃣ การระบุอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เหมาะสมและเครื่องมือที่จำเป็นอื่นๆ

     3️⃣ ทีมกู้ภัยที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งได้พัฒนาโปรแกรมการวางแผนล่วงหน้า

     4️⃣ การรับรองการฝึกอบรมของทุกคนที่จะต้องเข้าไปทำงานหรืออยู่บริเวณรอบๆพื้นที่อับอากาศ โดยจะต้องผ่านการฝึกฝนและมีประสบการณ์จริง เกี่ยวกับการวางแผน การเข้าไปทำงาน

          การทำงานภายใน การกู้ภัยและการช่วยเหลือฉุกเฉิน

📌 การทำงานในที่อับอากาศเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง แต่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ด้วย

     ✅ การประเมินความเสี่ยงที่ถูกต้อง

     ✅ อุปกรณ์ตรวจวัดและกู้ภัยครบชุด

     ✅ การควบคุมงานตามมาตรฐาน

     ✅ การอบรมพนักงานอย่างเหมาะสม

 

การลงทุนด้านความปลอดภัยเพียงครั้งเดียว สามารถลดความเสี่ยงและปกป้องชีวิตของพนักงานในระยะยาวได้อย่างคุ้มค่า เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งระบบโดยทีมวิศวกร
ผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อได้ที่ บริษัท แพลนเนท ที แอนด์ เอส จำกัด

📞 : 02-720-3288
 💬 LINE : @PLANETTANDS
📧 : info@planet.co.th
📘 : facebook.com/planettands
📸 : instagram.com/planettands
🎬 : tiktok.com/@planettands

อ้างอิงข้อมูลจาก : www.3m.co.th

สินค้าที่เกี่ยวข้อง