สายไฟ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนมักมองข้ามการตรวจสอบคุณภาพก่อนนำมาใช้งาน ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายร้ายแรง เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ หรือไฟฟ้าดูด การเลือกใช้สายไฟคุณภาพดีและการตรวจเช็คสายไฟอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ
เรามี 5 วิธีตรวจเช็กสายไฟ ที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสายไฟที่ใช้งานนั้นปลอดภัย ได้มาตรฐาน และพร้อมใช้งานจริง มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง!

1. สแกน QR Code ตรวจสอบความถูกต้องตามมาตรฐาน สมอ.
![วิธีแรกที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด]
วิธีการ: สแกน QR Code ที่ติดอยู่บนตัวสายไฟหรือบรรจุภัณฑ์ เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.)
ประโยชน์:
• ตรวจสอบข้อมูลการผลิตได้ทันที
• ยืนยันใบอนุญาตผลิตว่าเป็นของแท้
• มั่นใจได้ว่าสายไฟผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก.
เคล็ดลับ:
หากสแกนแล้วไม่พบข้อมูล หรือลิงก์นำไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ สมอ. ให้ระวัง! อาจเป็นสายไฟปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
2. ตรวจสอบสภาพฉนวนหุ้มสายไฟ
ฉนวนหุ้มสายไฟ คือเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด หากฉนวนชำรุด ไฟฟ้าอาจรั่วไหลออกมาได้
สิ่งที่ต้องสังเกต:
• ✅ กรอบ แตก หรือเปื่อยยุ่ย - อาจเกิดจากการใช้งานนาน หรือคุณภาพไม่ดี
• ✅ รอยแตกลายงา - เกิดจากความร้อนสูงหรือการดัดงอบ่อยครั้ง
• ✅ ผิวฉนวนไม่เรียบ - อาจเป็นสัญญาณของการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน
วิธีตรวจ:
ใช้มือลูบไปตามความยาวของสายไฟ สัมผัสความเรียบเนียน หากพบความผิดปกติควรเปลี่ยนทันที
3. เช็กสีของสายไฟว่าซีดจางหรือเปลี่ยนสีผิดปกติ
สีของสายไฟ สามารถบอกอายุการใช้งานและคุณภาพได้
สัญญาณเตือน:
• 🔴 สายไฟสีซีดจาง - อาจเกิดจากแสงแดด ความร้อน หรือสารเคมี
• 🔴 สาย VAF เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีน้ำตาล - แสดงว่าฉนวนเสื่อมสภาพแล้ว
ทำไมต้องระวัง?
การเปลี่ยนสีของฉนวนแสดงว่าโครงสร้างทางเคมีของพลาสติกเริ่มสลายตัว ทำให้ความแข็งแรงลดลง และเสี่ยงต่อการลัดวงจร
คำแนะนำ:
หากพบสายไฟเปลี่ยนสี ควรหยุดใช้งานทันที และเปลี่ยนเป็นสายใหม่
4. ตรวจสอบขั้วทองแดงว่ามีสนิมหรือผุกร่อน
ขั้วทองแดง เป็นส่วนที่นำไฟฟ้า หากมีปัญหาจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย
สิ่งที่ต้องระวัง:
• ⚠️ คราบสนิมสีเขียว (Green Patina) - เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของทองแดง
• ⚠️ ผุกร่อนหรือดำคล้ำ - เกิดจากความชื้นหรือการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
• ⚠️ ขั้วหลวม - อาจทำให้เกิดประกายไฟ
วิธีตรวจ:
ถอดปลั๊กออกแล้วตรวจดูขั้วทองแดง หากพบคราบสนิมหรือการผุกร่อน ห้ามนำมาใช้งานอีก เพราะอาจเกิดอันตรายได้
ข้อควรรู้:
ทองแดงคุณภาพดีจะมีสีแดงส้มสดใส หากเป็นสีดำหรือเขียวแสดงว่ามีปัญหาแล้ว
5. วัดขนาดหน้าตัดสายไฟด้วยเวอร์เนียร์
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง เพื่อป้องกันสายไฟปลอมหรือสายไฟขนาดไม่ตรงตามมาตรฐาน
วิธีการ:
1. ใช้เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นทองแดงภายใน
2. เปรียบเทียบกับขนาดที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์
ตัวอย่างขนาดมาตรฐาน:
ขนาดสายไฟ เส้นผ่านศูนย์กลางทองแดง (มม.)
1.5 ตร.มม. ประมาณ 1.38 มม.
2.5 ตร.มม. ประมาณ 1.78 มม.
4.0 ตร.มม. ประมาณ 2.26 มม.
ทำไมต้องวัด?
สายไฟขนาดเล็กกว่ามาตรฐาน จะนำไฟฟ้าได้ไม่ดี ทำให้เกิดความร้อนสูง และเสี่ยงต่อไฟไหม้
สรุป: ความปลอดภัยเริ่มต้นที่การเลือกและตรวจสอบ
การตรวจเช็คสายไฟไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่นาที คุณก็สามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
เช็คลิสต์ก่อนใช้สายไฟ:
• ✅ สแกน QR Code ตรวจสอบมาตรฐาน
• ✅ ดูสภาพฉนวนหุ้มสายไฟ
• ✅ เช็คสีว่าซีดจางหรือเปลี่ยนสีหรือไม่
• ✅ ตรวจขั้วทองแดงว่ามีสนิมหรือผุกร่อน
• ✅ วัดขนาดหน้าตัดให้ตรงตามมาตรฐาน
อย่าลืม! การใช้สายไฟคุณภาพดีและการตรวจสอบสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้า
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ควรตรวจเช็คสายไฟบ่อยแค่ไหน?
A: แนะนำให้ตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทุกครั้งก่อนใช้งานหนัก
Q: สายไฟที่ใช้มานาน 5-10 ปี ยังใช้ได้อยู่ไหม?
A: ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ควรตรวจสอบตาม 5 วิธีข้างต้น หากพบความผิดปกติควรเปลี่ยนทันที
Q: ซื้อสายไฟที่ไหนถึงจะมั่นใจได้ว่าของแท้?
A: ซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้ และเลือกแบรนด์ที่มีตรา มอก. พร้อมสแกน QR Code ตรวจสอบทุกครั้ง
📞 : 02-720-3288
💬 LINE : @PLANETTANDS
📧 : info@planet.co.th
📘 : facebook.com/planettands
📸 : instagram.com/planettands
🎬 : tiktok.com/@planettands